นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้านโยบายเพื่อส่งเสริมการสร้างโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้สำรวจลู่ทางการค้า พบว่าจากการสำรวจเจาะกลุ่มตลาดการค้าและกลยุทธ์ทางด้านการลงทุน กลุ่มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศเบลเยียม ถือเป็นหนึ่งตลาดการค้าที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งจากความนิยมการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เผยตัวเลขปัจจุบันความนิยมการเลี้ยงสัตว์ของชาวเบลเยียมในสหภาพยุโรป โดยชาวเบลเยียมกว่า66% ของครัวเรือนเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 1 ตัว ซึ่งอันดับของสัตว์เลี้ยงที่ชาวเบลเยียมนิยมมากที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ แมว คิดเป็น 58% หรือเป็นจำนวน 2.5 ล้านตัว และรองลงมาได้แก่ สุนัข คิดเป็น 42 % หรือ 2 ล้านตัว ของจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์

นายอนุกูล กล่าวว่า จากตัวเลขของจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์ในประเทศเบลเยียม แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันสัตว์เลี้ยงได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนทั่วโลก โดยผลจากการขยายตัวของการเลี้ยงสัตว์ของชาวเบลเยียมคาดว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงใบเบลเยียมจะมีมูลค่าถึง 808.65 ล้านบาทยูโร ในปี 2025 ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เลี้ยงสัตว์ และสร้างโอกาสให้ประเทศไทยสามารถส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเข้าสู่ตลาดเบลเยียมได้เพิ่มขึ้น จึงต้องมีการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับอาหารสัตว์ โดยมุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยง อาทิ อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงแต่ละสายพันธุ์ อาหารสัตว์เลี้ยงที่ป่วยหรือเป็นโรคเฉพาะ และอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมาก โดยเน้นในด้านคุณภาพและส่วนผสมจากธรรมชาติ ส่วนผสมออร์แกนิก ที่ปราศจากสารเติมแต่งที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง

ปัจจุบัน ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงกำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกมีโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงมากกว่า 80 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นการผลิตแบบ OEM ให้กับแบรนด์ต่างๆ ซึ่งในปี 2567 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมด 3,ตลาดอาหารสัตว์จากไทยในยุโรปคึกคักยอดขายปีพุ่ง关键字1029.30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.92% โดยส่งออกไปเบลเยียม 36.21 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 87.86% โดยประเทศเบลเยียม เป็นประเทศที่นำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงจากไทยมากเป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรป รองลงมาจากอิตาลี และเยอรมนี สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมและความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าไทย ดังนั้น ผู้ผลิตและส่งออก จะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและรักษาคุณภาพสินค้า โดยจะต้องต่อยอดการพัฒนาที่จะต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก