จากกรณีที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ยื่นคําร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยอ้างว่าพบการตัดงบประมาณชําระหนี้ให้ธนาคารรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 35,รบแจงโยกงบฯค้างจ่ายปีไปใช้ดิจิทัลวอลเล็ตไม่ขัดรธนไม่เข้าข่ายข้อห้ามม关键字3000 ล้านบาท ไปใส่ไว้ในงบกลางฯ เพื่ออาจนำไปใช้ในโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งจะทำให้ สส. 309 คน และ สว. 175 คน ที่ร่วมลงมติเห็นชอบพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ในวาระ 2 และวาระ 3 อาจต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคแรก บัญญัติว่าห้ามสส.เสนอให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมรายการเข้าไปในร่างกฎหมายงบประมาณ และห้ามสส.ตัดทอนงบประมาณชําระต้นเงินกู้, ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย หรือรายจ่ายตามข้อผูกพันนั้น

ทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า จากประเด็นดังกล่าว กรณีการตีความการตัดงบชำระหนี้ดังกล่าว ไม่เข้าข่ายข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 เพราะไม่ใช่ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ หรือเงินกำหนดที่ให้จ่ายตามกฎหมาย แต่เป็นงบประมาณค้างจ่าย ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 จึงเชื่อว่าไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญตามที่มีผู้ยื่นร้องเรียน แต่หากมีการตีความต่างจากนี้ออกไปโดยชี้ว่าเป็นความผิดขัดรัฐธรรมนูญ นักการเมืองที่จะรอดพ้น คือผู้ที่ไม่ได้อยู่ร่วมลงมติอนุมัติ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2568